ปั้นดาวเป็นเกาะเล็กๆ ล้อมรอบด้วยขอบฟ้าขอบน้ำของทะเลตะวันตก มีหาดทรายสวยงามและหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ เริ่มเรื่องที่ศาลเจ้าแม่ปั้นดาว ไอ้แก้ว หนุ่มเลือดน้ำเค็มกำลังรำอ่อนช้อยชม้อยตาหวาน เป็นพระเอกเจ้าเสน่ห์บนเวทีลิเกแก้บน ท่ามกลางเสียงนิยมชมชอบของบรรดาสาวแก่แม่หม้าย ลูกเมียชาวประมงในเกาะกลางทะเลแห่งนั้น คนที่ชอบใจภูมิใจที่สุดได้แก่ กุ้งนาง ลูกสาววัย 6 ขวบของแก้วแต่คนที่ไม่ใยดีเลยคือ นางหวาน เมียปากร้ายใจแคบของไอ้แก้ว ที่ชอบบุกมาโวยวายกลางงานแทบทุกครั้ง |
|
“....เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะวะไอ้แก้ว แล้วค่อยมาแก้บนให้คนอื่น....” นางหวานไม่เคยเห็นอะไรดีเลย แม้แต่ลูกผัวก็ด่าใส่ไม่เว้นวัน แต่ก็หึงอย่างร้ายไม่ยอมให้สาวคนไหนมาให้ท่าไอ้แก้วได้โดยเฉพาะ แป้น สาวข้างบ้านผู้หลงรักไอ้แก้วอยู่ ส่วนไอ้แก้วนั้นก็รักเมียรักลูกของมันอย่างสุดหัวใจ ยอมให้นางหวานโขกสับได้ไม่โต้แย้ง ไอ้แก้วพบแล้วว่าการหาปลาตัวใหญ่ในน่านน้ำไทยสมัยนี้ มันยากพอๆกับหาเข็มในกองฟาง มันจึงวางมือจากกลิ่นคาวปลามาประแป้งแต่งหน้า ทาน้ำหอมน้ำปรุงเป็นพระเอกลิเก เพราะนอกจากจะมีรายได้แล้วยังสบายใจไปกับเรื่องร้องๆรำๆอันเป็นของชอบอีกด้วย สมพร ซึ่งเป็นนายโรงลิเกคณะสมพรศิลป์และเป็นมือระนาดเอกนั่นแหละที่เป็นคนชวนไอ้แก้วให้ก้าวจากเรือตังเกมาลงเรือลำเดียวกับเขา ลิเกของสมพรกับไอ้แก้วโด่งดังจนมีคนบนฝั่งว่าไปแสดงบ่อยครั้งและทุกครั้งไอ้แก้วจะต้องเตรียมใจไปแสดงอย่างเต็มที่ จะมีแต่เมียขวางโลกของมันคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยพอใจ |
|
“....เดี๋ยวนี้เขาลือกันไปทั้งเกาะแล้วนะ..ว่า ผัวข้าเป็นตุ๊ด เป็นเมียไอ้สมพรไปแล้ว ข้างี้แทบจะเอาหัวมุดทรายตายวันละหลายๆหน....”
ถึงเสียงบ่นจะล้นหูไอ้แก้ว แต่นางหวานก็ไม่เคยทำตัวเป็นปรปักษ์กับใครไม่เหมือน ไอ้ขีด นักเลงคุมตลาดโต้รุ่งบนฝั่งที่เข้ามาวางอำนาจเรียกค่าคุ้มครองจากคณะลิเกของสมพรที่ไปตั้งแสดง สมพรไม่ยอมจ่ายเพราะเกลียดการขู่กรรโชกคืนนั้นขณะลิเกกำลังแสดงไอ้ขีดก็ยกพวกมาไล่คนดูและฉุดนางเอกประจำคณะจะข่มขืน แต่เมื่อพบว่านางเอกลิเกเป็นกระเทย ไอ้ขีดโกรธจัดลงมือซ้อมสมพรและจะเผาทำลายเครื่องแต่งตัว และเครื่องดนตรีไทยอันเป็นของใช้ทำมาหากิน ชาวคณะวิ่งหนีกันทั้งโรงแต่ไอ้แก้วทนไม่ได้กับการข่มเหงรังแกเช่นนี้ จึงปราดเข้าเชิดฉิ่งกับพวกนักเลงทั้งๆที่แต่งชุดลิเกทำให้ชาวคณะที่ผละหนีหันกลับมาร่วมใจสู้ ผลก็คือไอ้ขีดกับพวกถูกตำรวจจับได้หมด |
|
“....มีผัวโง่ๆยังงี้ แล้วอีกกี่ร้อยชาติข้าจะได้เห็นกรุงเทพวะ”
นางหวานด่าไอ้แก้วอีก หาว่าเสี่ยงชีวิตอย่างโง่ๆควรทำอะไรให้ได้เงินบ้าง จะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯเหมือนอย่าง นางจันทร์ เมียกำนันโตที่ได้ไปบ่อยๆเพราะเขารวยก็พอดี กำนันโต มาบอกข่าวดีว่าไอ้ขีดมันมีคดีติดตัวและมีรางวัลนำจับด้วย แก้วจึงได้รับเงินเป็นหมื่น นางหวานจึงประกาศลั่นไปทั้งเกาะว่ามันจะไปเที่ยวกรุงเทพ แต่แล้วกุ้งนางก็เหยียบเศษแก้วแตกขณะออกไปเดินลุยน้ำทะเลเล่นกับ โจ้ ลูกชายนางจันทร์ที่ชายหาด ครูมะลิ ครูสาวที่โรงเรียนประจำเกาะและ ครูนพ ซึ่งเป็นครูใหญ่ได้ช่วยพยาบาลและขอให้เลื่อนไปเที่ยวกรุงเทพฯ แต่นางหวานไม่ยอมให้ใครมาดับฝัน จึงให้ฝากกุ้งนางไว้ให้แป้นและนางเป้า ผู้เป็นแม่ดูแลแทน ทำให้แก้วจำต้องพานางหวานไปทั้งๆที่ห่วงใยลูกสาว ขณะที่รถทัวร์ประจำทางจอดพักกินข้าวกลางวัน นางหวานก็ตระเวณซื้อข้าวของเครื่องประดับมากมายราวกับไม่เคยเจอะเจอ |
|
“....คราวนี้ข้าจะต้องงามกว่าอีนางจันทร์มันให้ได้....” นางหวานเดินเพลินจนพลัดหลงกับแก้วทำให้แก้วต้องวิ่งตามหาด้วยความเป็นห่วง และแล้วเมื่อเห็นนางหวานเดินอยู่ฟากถนน แก้วจึงรีบข้ามไปหาโดยไม่ทันระวังตัว จึงถูกรถยนต์ชนล้มลงแก้วบาดเจ็บที่ขา เจ้าของรถเป็นหนุ่มหล่อท่าทางร่ำรวยชื่อวิฑูรย์ ได้ขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการพาทั้งสองผัวเมียไปพักรักษาตัวที่บ้านของเขาในกรุงเทพฯ หวานจึงรีบตอบตกลงทันที |
|
บ้านของวิฑูรย์เป็นบ้านหลังใหญ่มีสาวๆพักหลายคน แถมมีบริวารของวิฑูรย์คอยดูแลด้วย วิฑูรย์พอใจในความสวยของหวานจึงให้แก้วซึ่งเดินลำบากพักอยู่ชั้นบนบ้านแล้วพาหวานออกเที่ยวชมแสงสีอันสวยงามของกรุงเทพฯในยามราตรี และพาไปเสริมความงามให้ทันสมัยที่ร้านประจำจนเจ้าของร้านแอบพูดลับหลังหวานว่า “....มาใหม่อีกรายแล้ว ยิ่งหน้าแจ๋วๆยังงี้ ราคาดีแหงๆ....” กว่าจะรู้ว่าอาชีพของวิฑูรย์เป็นพ่อเล้าค้าสาวบริการ หวานก็เสียตัวให้ด้วยความเต็มใจ และจากความหรูหราฟุ่มเฟือยที่บำรุงบำเรอ ทำให้หวานคิดว่าเธอได้พบสวรรค์ที่ฝันหาแล้ว คืนหนึ่งแก้วพบหวานอยู่ในห้องนอนของวิฑูรย์สองต่อสอง “....คิดถึงผัว คิดถึงลูกบ้างมั้ยอีหวาน ลูกกำลังรอให้เอ็งกลับไป แต่แม่มันกลับมาทำจัญไรยังงี้....” จึงปราดเข้าขย้ำคอวิฑูรย์ด้วยความโกรธจนลืมตัว แต่สิ่งที่ตอบแทนก็คือเขาถูกหวานทุ่มศีรษะด้วยแจกันจนสลบ แล้วถูกสมุนวิฑูรย์จับใส่กระสอบไปทิ้งในบึงใหญ่ชานเมือง แต่แก้วก็ทนทายาดจากที่เคยเป็นชาวประมงดำน้ำแกะอวนมาก่อน จึงช่วยตัวเองรอดชีวิตมาได้จากใต้น้ำ |
|
เมื่อหวานได้สามีที่ถูกใจก็ย้ายไปกับวิฑูรย์ จนเมื่อแก้วพาตำรวจมายังบ้านที่เกิดเหตุจึงไม่พบแม้แต่เงาของเมียรักแก้วกลับไปยังเกาะปั้นดาวตามลำพังด้วยความเจ็บปวดหัวใจ จำต้องบอกกุ้งนางลูกรักที่ถามหาแม่ว่า... “.....ผู้ร้ายมันตีหัวพ่อ แล้วแย่งแม่เอ็งไป....” จากวันนั้น ไอ้แก้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคน จากคนที่ยิ้มง่ายชอบร้องลิเกทักทายผู้คนก็กลายเป็นคนซึมเศร้า ไว้หนวดเคราและกินเหล้าเมาอยู่คนเดียว มิใยที่กุ้งนาง/แป้นและใครๆจะขอร้อง แต่แก้วก็ไม่อาจจะเลิกลืมหวานได้ด้วยความรักและแค้นแน่นหัวใจจนอธิบายไม่ถูก แก้วจึงเกือบจะเป็นเหมือนคนบ้าประจำเกาะ คราวหนึ่งลิเกของสมพรแสดงเรื่องจันทโครพ พอถึงตอนนางโมรายื่นดาบให้โจร ไอ้แก้วถึงกับวิ่งขึ้นบนเวทีกระทืบตัวแสดงแทบคลานหนีไม่ทัน จนชาวบ้านต้องช่วยกันจับตัวไอ้แก้วมาสงบสติอารมณ์ แต่ด้วยความเข้าใจและสงสาร สมพรและชาวบ้านจึงไม่ถือโทษโกรธเคือง นอกจากกุ้งนางเท่านั้นที่ยิ่งเสียใจมากขึ้น ครูนพและครูมะลิได้มาเตือนสติแก้ว |
|
“....กุ้งนางเสียแม่ไปคนหนึ่งแล้ว จะให้แกเสียนายแก้วไปอีกคนหรือ....” แก้วจึงรู้สำนึกและสาบานว่าจะเลิกกินเหล้า ความสัมพันธ์ระหว่างแก้วและแป้นเริ่มแน่นแฟ้นขึ้น ทั้งสองเล่นลิเกด้วยกันและเริ่มนึกถึงอนาคตร่วมกัน แก้วไปสมัครทำงานกับเถ้าแก่ส่งที่สะพานปลาท่าเรือบนฝั่งเพื่อให้ลืมหวาน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเถ้าแก่ส่งให้แก้วนำปลาสดไปส่งที่ครัวภัตตาคารของโรงแรมริมทะเลแห่งหนึ่งซึ่งมีงานแต่งงาน แก้วก็พบว่าเจ้าสาวในงานนั้นคือนางหวานที่แต่งสวยงามจนแทบจะจำไม่ได้ จึงได้เฝ้ารอเวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปด้วยความเจ็บปวด จนคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอ แก้วจึงย่องเข้าไปชิงตัวเจ้าสาวใส่กระสอบลงเรือขับกลับมายังเกาะปั้นดาว เจ้าบ่าวนั้นชื่อ วัฒนา เป็นคนมีหน้ามีตาในจังหวัด จึงปิดข่าวและรอการติดต่อเรียกค่าไถ่ ส่วนเจ้าสาวแม้จะบอกว่าเธอชื่อ ตวงพร และไม่เคยรู้จักแก้วมาก่อน แต่แก้วก็ไม่ฟังเอาแต่ตบตีและล่ามโซ่เธอไว้ในบ้านอย่างน่าเวทนา แม้ชาวบ้านเองแทนที่จะสงสารก็กลับสะใจแทนไอ้แก้วที่ได้แก้แค้นสมใจ “....เอ็งจำไว้ให้ดีนะ ถ้าพูดคำว่าไม่ใช่อีหวานอีกเมื่อไหร่ คำแรกข้าจะตบ คำที่สองข้าจะเตะ คำที่สามรับรองเอ็งเละ เข้าใจไหม....” |
|
ตวงพรจำทนจำยอมให้แก้วทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะเมื่อหนีไปกี่ครั้งๆก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทะเลรอบทิศเป็นเหมือนปราการธรรมชาติที่กักขังเธอไว้บนเกาะแห่งนั้น จนในที่สุดตวงพรก็ยอมรับเป็นแม่ของกุ้งนาง เพื่ออาศัยลูกสาวเป็นเกราะป้องกันภัยจากการลงมือลงไม้ของแก้ว หลังจากไม่มีวี่แววคู่สมรสและไม่มีทีท่าว่า ตวงพรจะติดต่อมาหานายมงคลและนางตาบทิพย์ คหบดีผู้เป็นพ่อแม่ วัฒนาได้ให้ สุธี และ ปรีชา สหายคู่ใจติดต่อว่าจ้าง สารวัตรพงษ์เทพ นายตำรวจมือดีมาสืบเรื่องนี้ ส่วนตัวเองได้พาลูกค้าต่างประเทศออกเที่ยวเกาะ จนมาถึงเกาะปั้นดาวและมาเที่ยวที่ศาลเจ้าแม่ เมื่อตวงพรรู้ว่าวัฒนามาอยู่ใกล้ๆจึงพยายามขอความช่วยเหลือ แต่ก็คลาดกับวัฒนาซึ่งรีบกลับเมื่อเพื่อนโทรมาบอกว่า สารวัตรพงษ์เทพนั้นมีคดีติดตัวเพราะทุจริตในหน้าที่ ตวงพรหมดหวังที่จะหาทางหนีจึงทำดีให้แก้วเห็นใจ |
คือทำกับข้าวอร่อยๆให้กินและสอนหนังสือให้กุ้งนาง แก้วเองก็รู้สึกดีขึ้นจนถึงกับยอมตัดผมโกนหนวดและสัญญากับลูกสาวว่าจะไม่ตบตีแม่อีก ตวงพรจึงเสนอเงื่อนไขว่าจะทำตัวเป็นนางหวานให้ แต่แก้วต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ แก้วยอมตกลงตวงพรจึงไม่ถูกล่ามโซ่และไปไหนมาไหนในเกาะได้ นับแต่นั้นชีวิตในบ้านจึงเปลี่ยนไป แก้วรู้สึกว่าความสุขได้มาสู่ครอบครัวของเขาแล้ว เมื่อคลื่นลมสงบพายุลูกใหม่ก็ตั้งเค้า สารวัตรพงษ์เทพซึ่งทำงานให้วิฑูรย์ได้รู้ความจริงว่าตวงพรและหวานเป็นคนละคนกัน |
|
|
หวานยังคงอยู่กับวิฑูรย์และเป็นโสเภณีชั้นสูงทำเงินให้สามีอย่างมากมาย จึงคิดจะนำตัวตวงพรมาขายแก่วิฑูรย์เพื่อจะได้เป็นฝาแฝดทำงานคู่กับหวาน โดยได้เดินทางมาเกาะปั้นดาวพร้อมกับ จ่าดับ สมุนคนสนิทและ นายชิต คนของวิฑูรย์เพื่อจับตัวตวงพร แต่แก้ว/แป้น/ยายเป้า/กำนันโตและเพื่อนๆบนเกาะได้ขัดขวาง ผลจากการปะทะกันปรากฏว่าแก้วบาดเจ็บ นายชิตถูกจับ ส่วนสารวัตรพงษ์เทพและจ่าดับหนีได้ |
|
ฝันร้ายของแก้วมาถึงเร็วเกินคาด เมื่อ นายผาด พ่อของหวานซึ่งปัจจุบันเป็นภิกษุได้เปิดเผยความจริงว่า ตวงพรเป็นน้องฝาแฝดของหวานที่นายผาดได้มอบให้เป็นบุตรบุญธรรมของนายมงคลและนางตาบทิพย์ตั้งแต่ตวงพรยังแบเบาะ จนเมื่อหวานเป็นสาวนายผาดจึงได้ยกให้เป็นเมียของแก้วแล้วจึงออกบวช แก้วจึงกลับมาจมอยู่กับความทุกข์อีกครั้งแทนที่วิฑูรย์จะช่วยเหลือสารวัตรพงษ์เทพที่ทำงานพลาด เขากลับหนีเอาตัวรอด สารวัตรจึงยิงวิฑูรย์ด้วยความแค้นต่อหน้าหวาน หวานตกใจวิ่งหนีข้ามถนนจึงถูกรถชนอย่างจัง ตวงพรมีโอกาสได้พบหน้าพี่สาวในนาทีสุดท้าย ด้วยความรู้สึกสงสารและหวังจะไถ่บาปที่หวานทำไว้กับสามีและลูก |
|
หลังจากพาตวงพรกลับมาบ้าน นายมงคลและคุณนายตาบทิพย์พยายามปรับความเข้าใจกับวัฒนา ซึ่งเกรงคำครหาของสังคมจนคิดจะส่งตวงพรไปต่างประเทศ แก้วไปพบตวงพรเพื่อขอโทษและมอบแหวนแต่งงานคืนให้ วัฒนามาพบเข้าจึงด่าว่าตวงพรด้วยนิสัยเห็นแก่ตัว ตวงพรจึงตัดสินใจคืนแหวนให้วัฒนาและเดินทางมายังเกาะปั้น ดาวด้วยความเต็มใจ เพราะแก้วและกุ้งนางกับความรักที่แท้จริงของเธออยู่ที่นั่น ความสุขของแก้วกลับมาอีกครั้งด้วยชีวิตที่มีครบทุกอย่างดังปรารถนา แก้วได้เล่นลิเกอย่างมีความสุขด้วยการสนับสนุนของตวงพรและกุ้งนาง ความสุขนี้ดูจะยาวนานอย่างไม่มีสิ้นสุด... |
|